วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2552

เรื่องเล่า




มี นักโทษชายคนหนึ่ง ต้องโทษในเรือนจำ 10 ปี เมื่อ ครบกำหนดก็ได้รับการปล่อยตัว เมื่อออกจากเรือนจำได้ไม่ถึงเดือน อดีตนักโทษคนดังกล่าว ได้กลับมาหาพัศดีเรือนจำเพื่อขอกลับไปอยู่ในเรือนจำเพื่อเป็น นักโทษต่อไป แม้ว่าในเรือนจำจะไม่มีอิสรภาพแต่ก็มีอาหารวันละ 3 มื้อทุกวัน ชีวิตนอกเรือนจำมีอิสรภาพแต่ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ไม่มีอาหารรับประทาน ต้องอยู่แบบอดๆอยากๆ เขาจึงสรุปว่าอยู่ในเรือนจำดีกว่า
มีผู้เชื่อใหม่บางคน เมื่อได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์แล้ว ได้รับการปลดปล่อยจากความผิดบาป รับการรักษาโรคและ ได้รับคำตอบจากพระเจ้าในการแก้ปัญหาชีวิต แรกๆก็ดีใจมาก กับประสบการณ์ชีวิตใหม่

แต่ต่อมาไม่นานก็ถูกคนในครอบครัว กดดันต่อต้าน ถูกเพื่อนฝูงรังเกียจ ถูกเจ้านายต่อต้าน เข้าสังคม ก็ลำบากเพราะไม่ดื่มเหล้าเบียร์ที่เพื่อนๆยื่นให้ ไม่ร่วมมือกับ เพื่อนๆและเจ้านายโกงเงินบริษัท เกิดแรงกดดันและ รู้สึกอึดอัดมาก ก็เลยคิดว่าถึงแม้ชีวิตใหม่ในพระเยซูคริสต์ จะดีก็จริงแต่ก็มีความยุ่งยากลำบากใจหลายอย่าง มีความกดดัน จากครอบครัวและเพื่อนฝูงมากมาย ดังนั้นขอสละอิสรภาพใน พระคริสต์ กลับไปติดคุกแห่งความบาปเหมือนเดิมดีกว่า จะได้ ไม่ต้องเผชิญกับแรงกดดันจากคนใกล้ชิด
พระเยซูตรัสว่า “เพราะว่าผู้ใดใคร่จะเอาชีวิตรอด ผู้นั้นจะเสียชีวิต แต่ผู้ใดจะเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เราและ ข่าวประเสริฐ ผู้นั้นจะได้ชีวิตรอด เพราะถ้าผู้ใดจะได้สิ่งของ สิ้นทั้งโลก แต่ต้องเสียชีวิตของตน ผู้นั้นจะได้ประโยชน์อะไร เพราะว่าผู้นั้นจะนำอะไรไปแลกเอาชีวิตของตนกลับคืนมา ด้วยว่าถ้าผู้ใดมีความอายเพราะเราและถ้อยคำของเรา ในชั่วชีวิตนี้ซึ่งประกอบด้วยการชั่ว คิดคดทรยศ บุตรมนุษย์ก็จะมีความอายเพราะผู้นั้น ในเวลาเมื่อพระองค์จะเสด็จมาด้วย พระสิริแห่งพระบิดา และด้วยเหล่าทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์”

(มก.8:35-38) ผู้เชื่อใหม่ทุกคนต้องการคำหนุนใจและการสนับสนุน
จากพี่เลี้ยงและหัวหน้าเซล เพื่อจะยืนหยัดรักษาความเชื่อใน พระคริสต์ ท่ามกลางการถูกต่อต้านจากญาติมิตรเชื่อเท่านั้นยังไม่พอ ต้องรักษาความเชื่อจนถึงที่สุดด้วย


ไม่มีความคิดเห็น: